อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ไม่มีกำหนด หลังถูกร้องเรียนกรณีสร้างวัตถุต่างๆ เซ็กซี่บาคาร่า ภายในวัดที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะรูปปั้นหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง พระเกจิดังซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดภูเก็ตผิดสัดส่วน
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่วัดท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในการประชุมคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งมีพระราชสิริมุนี เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานการประชุมฯ และมีนายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวิญญา ปลัดขวา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ตนายธวัชชัย ชั้นไพศาลศิลป์ หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีและอนุรักษ์โบราณสถานสาขาภูเก็ต สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและคณะสงฆ์ เข้าร่วม โดยมีวาระการประชุม อาทิ โครงการวัดสีขาว การจัดทำแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2560 เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้ได้มีการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของ 2 วัด
หนึ่งในนั้นคือ วัดพระนางสร้าง อ.ถลาง ซึ่งมีการร้องเรียนถึงการสร้างวัตถุต่างๆภายในวัดที่ไม่เหมาะสม เช่น การสร้างรูปปั้นหลวงพ่อแช่มวัดฉลองหรือวัดไชยธาราราม พระเกจิดังซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก มีการสร้างไม่ได้สัดส่วน, การสร้างรูปปั้นยักษีและยักษาถือปืน เป็นต้น สร้างความไม่พอใจให้กับพุทธศาสนิกชนบางส่วนเป็นอย่างมาก โดยพระครูเมตตาภิรม เจ้าคณะอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นตัวแทนคณะสงฆ์ ชี้แจงว่า หลังรับการร้องเรียนคณะผู้ปกครองสงฆ์ ประกอบด้วย เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัดเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่ามีความไม่เหมาะสมตามที่มีการร้องเรียนจริง จึงได้มีมติออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของพระครูวิจิต ศุภการ เจ้าอาวาสวัดพระนางสร้าง ซึ่งทางคณะผู้ปกครองฯ ได้มีมติสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสของพระครูวิจิต ศุภการ โดยไม่มีกำหนด และห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการใดๆ ภายในวัดพระนางสร้างอีก และมอบหมายให้พระครูพรหมประภัสสร เจ้าคณะอำเภอถลางรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระนางสร้างแทน กับในส่วนของการจัดการสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัดพระนางสร้าง ซึ่งก็ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างส่วนราชการ ฆราวาสและคณะสงฆ์ เพื่อเข้ามาทำการปฎิรูปสิ่งต่างๆ ภายในวัดทั้งหมด โดยสิ่งปลูกสร้างใดที่จะต้องทุบทิ้งก็ต้องทุบทิ้ง โดยส่วนต่างๆ จะต้องเข้ามาดู เนื่องจากมีบางส่วนที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ส่วนไหนที่สามารถปรับปรุงได้ก็ให้ทางคณะกรรมการฯ มาพิจารณาร่วมกัน
ผู้ประกอบการบันเทิงภูเก็ตยันย้ายตำรวจทั้งจังหวัดก็ปราบส่วยไม่ได้ จี้ขยายเวลาเปิดถึงตี 4
จากกรณีการร้องเรียนเรื่องการเรียกเก็บส่วยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสถานประกอบการหนึ่งที่จะต้องจ่ายส่วยให้กับหน่วยงานต่างๆ ก็คือ สถานบันเทิง เพื่อแลกกับการเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า จริงๆแล้วไม่อยากพูดเรื่องส่วยแล้ว เพราะมีการพูดกันมาเยอะ ปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมายาวนาน
สิ่งที่จะทำให้ปัญหาส่วยหมดไปคือเรื่องของการแก้กฎหมายมากทั้งเรื่องของเวลาปิดและเรื่องของโซนนิ่ง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ป่าตองควรจะเปิดได้ถึงตี 4 ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการได้ออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทำให้เกิดช่องว่าง จนเป็นเหตุให้มีการเก็บส่วย จ่ายส่วยเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการสมยอมของทั้งคนจ่ายและคนเก็บ เพราะเป็นสิ่งที่วินวินทั้งคู่ คนจ่ายก็ต้องจ่ายเพื่อให้สามารถเปิดเกินเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนคนรับก็ต้องการหารายได้และเสี่ยงกับการทำผิดกฎหมาย แต่การเรียกเก็บส่วยในจังหวัดภูเก็ตไม่ได้มีเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่เท่านั้น ยังมีหน่วยงานจากที่อื่น หน่วยเฉพาะกิจต่างๆ ที่มีอำนาจและอาศัยช่องว่างของกฎหมายลงมาเก็บอีกจำนวนมาก
นายวีรวิชญ์ ยังได้กล่าวว่า การจะแก้ปัญหาเรื่องส่วยสถานบันเทิงแก้ไม่อยาก แต่ที่ทางหน่วยงานรัฐทำอยู่ในขณะนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ต่อให้มีการย้ายตำรวจออกไปจากพื้นที่ทั้งหมดแล้วก็ย้ายคนอื่นเข้ามาก็เป็นปัญหาเหมือนเดิม เพราะอย่างที่บอกคนที่เก็บส่วยไม่ได้มีเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ แต่ยังมีหน่วยงานจากที่อื่นเข้ามาเรียกเก็บด้วย การสั่งย้ายผู้กำกับป่าตอง และ ตำรวจคนอื่นๆ เป็นการแก้ปัญหาส่วยภูเก็ตที่ปลายเหตุ เสนอให้ตำรวจและฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้กฎหมายเรื่องเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ และเพิ่มบทลงโทษคนเก็บส่วยให้มากขึ้น
เพราะฉะนั้นการแก้กฎหมายจึงเป็นการแก้ที่ถูกจุดและเห็นผลอย่างที่สุด เพราะถ้ามีการขยายเวลาออกไปก็จะทำให้ไม่มีช่องว่างที่จะให้ผู้ที่ถือกฎหมายมาเรียกเก็บส่วยได้ เพราะทุกคนสามารถเปิดได้ตามที่กำหมายกำหนด ซึ่งตรงกับการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยว ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะป่าตองเป็นแห่งท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ การปิดตี 1 ถือว่าเป็นการไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยวเที่ยงคืนตี 1 นักท่องเที่ยวเพิ่งดินเนอร์เสร็จ จะออกมาเที่ยวสถานบันเทิงก็เป็นเวลาปิดแล้ว ซึ่งปัญหานี้นอกจากจะกระทบกับนักท่องเที่ยวแล้วยังกระทบกับผู้ประกอบการ และธุรกิจอานๆอีกมากมาย และทำให้เศรษฐกิจไม่ดี และสูญเสียรายได้มหาศาล
เช่นเดียวกับ นายชัยรัตน์ สุขบาล ผู้ประกอบการบันเทิงในซอยบางลา กล่าวว่า หลังจากที่มีการออกมาแฉเรื่องการเก็บส่วยในพื้นที่ป่าตอง จนเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ไม่เห็นตำรวจวุ่นวายเหมือนเดิม สำหรับการแก้ไขปัญหาส่วยนั้นจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายไปพร้อมพร้อมกันบางครั้งกฎหมายล้าหลังเกินทำให้เกิดช่องว่างในการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ เช่นเมืองท่องเที่ยวอย่างป่าตองสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลอย่างมหาศาล แต่สถานบันเทิงกลับปิดเพียงแค่ตี 2 ผู้มีอำนาจในการออกกฎหมายจะต้องแก้กฎกระทรวง แก้กฎหมาย ให้เดินควบคู่กันไปได้ เซ็กซี่บาคาร่า